ประวัติสำนักศิลปะและวัฒนธรรม


ความสนใจในการศึกษาและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย เริ่มก่อตัวให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อ รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2483 เป็นครั้งแรก ต่อมาได้สถาปนากระทรวงวัฒนธรรมขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2495 จนกระทั่งได้เปิดใช้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.) ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2498 หลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วย รายวิชาชุมนุมชนไทย และ วัฒนธรรมไทย ซึ่งจากรายวิชานี้เองที่ก่อให้เกิดกระแสความคิดและปฏิบัติการการเรียนการสอนวัฒนธรรมศึกษา โดยเฉพาะวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านขึ้นตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัย ราชภัฏสงขลายังเป็น โรงเรียนฝึกหัดครูสงขลาและโรงเรียนสตรีฝึกหัดสงขลา จึงอาจถือได้ว่า พ.ศ.2498 เป็นยุคเริ่มต้นก่อให้เกิดสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาในปัจจุบัน
ผู้ที่สมควรได้รับเกียรติยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกงานด้านศิลปวัฒนธรรม ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มคือ รศ.ภิญโญ จิตต์ธรรม ดร.วิจิตร จันทรากุลและ ศ.สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้ที่มองเห็นความสำคัญของงานวัฒนธรรม โดยเฉพาะงานวัฒนธรรมท้องถิ่น จนกระทั่งได้เกิดเป็นผลงานเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญยิ่งในกาลต่อมา ได้แก่ คณะโนราวิทยาลัยครูสงขลา สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒสงขลา รวมถึง พจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ และ สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ ด้วย
ในส่วนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา การเก็บสะสมข้อมูลทางวิชาการและวัตถุทางวัฒนธรรม ได้ดำเนินมาเป็นลำดับ โดยอาศัยหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.)ประกาศนียบัตรวิชาการ ศึกษาชั้นสูง(ป.กศ.ชั้นสูง) และหลักสูตรปริญญาตรีของวิทยาลัยครูสงขลา โดยเฉพาะวิชาเอกภาษาไทย ที่มีรายวิชา คติชนวิทยา และ ภาษาถิ่น ประจวบกับ พ.ศ.2519 กองวัฒนธรรม กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายที่จะส่งเสริมงานวัฒนธรรมในทุกภูมิภาคของประเทศ จึงเกิดหน่วยงานทางวัฒนธรรมที่เรียกว่า หน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ขึ้น โดยกระจายสังกัดอยู่กับวิทยาลัยครู จังหวัดใดที่ไม่มีวิทยาลัยครูก็ให้อยู่กับวิทยาลัยพลศึกษา หรือโรงเรียนประจำจังหวัดนั้นๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2519 ในลักษณะที่หน่วยงานใดพร้อมก่อนก็ดำเนินการไปก่อน
หน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูสงขลา เกิดเป็นหน่วยงานขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2520 โดย อาจารย์ภิญโญ จิตต์ธรรม (ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นหัวหน้าหน่วย อาจารย์สนิท บุญฤทธิ์เป็นเลขานุการ สำนักงานตั้งอยู่ที่ห้อง 232 อาคาร 2 วิทยาลัยครูสงขลา ก่อนหน้านั้น ดร.วิจิตร จันทรากุล ขอโอนไปรับราชการที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการวิทยาลัยชุมชนภูเก็ตและ ศ.สุ ธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ขอโอนไปอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒสงขลา และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมภาคใต้ ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็น สถาบันทักษิณคดีศึกษา ในปัจจุบัน ผลการบุกเบิกงานวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้อาจารย์ภิญโญ จิตต์ธรรม ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการด้านคติชนวิทยา ประเทศญี่ปุ่นให้เป็น Professer ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการจากสภาการฝึกหัดครูเป็นรองศาสตราจารย์ เมื่อ พ.ศ.2521 และอาจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการจากสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้เป็น ศาสตราจารย์ ในเวลาต่อมา
การเริ่มต้นงานของหน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูสงขลานั้น นอกจากข้อมูลข่าวสารจำนวนหนึ่งที่ รศ.ภิญโญ จิตต์ธรรม เขียนขึ้นและพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลดิบด้านคติชนวิทยา ส่วนหนึ่งที่เก็บรวบรวมไว้จากงานที่นักศึกษาวิชาภาษาไทยรุ่นต่างๆ จัดเก็บรวบรวมส่งกับโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ 2 ชุด ที่นำมาจากภาควิชาภาษาไทยแล้ว กล่าวได้ว่าไม่มีอะไรเลย จนกระทั่งวิทยาลัยได้ตั้งงบประมาณให้เป็นครั้งแรกในปลายปี พ.ศ.2520 จึงได้มีครุภัณฑ์ 2 ชิ้นแรกตามลำดับ คือ ตู้เหล็กฝาปิด-เปิดสองบานสำหรับเก็บเอกสาร 1 หลัง กับเครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปียแคร่ยาว 1เครื่อง
พ.ศ.2523 กองวัฒนธรรมได้รับการยกฐานะเป็นสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) หน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูสงขลา จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรม วิทยาลัยครูสงขลา และ พ.ศ.2524 เปลี่ยนอีกครั้งเป็น ศูนย์วัฒนธรรมวิทยาลัยครูสงขลา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา วิทยาลัยครูสงขลา ในปีเดียวกัน
พ.ศ.2528 กรมการฝึกหัดครู ใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ.2528 จึงได้เกิดหน่วยงาน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูสงขลา ขึ้นตามพระราชบัญญัติฉบับนั้น วิทยาลัยครูสงขลาจึงมีหน่วยงานทางวัฒนธรรม 2 หน่วยงานพร้อมกันคือ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา วิทยาลัยครูสงขลา ใช้งบประมาณดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กับ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูสงขลา ใช้งบประมาณของกรมการฝึกหัดครู กับเงินบำรุงการศึกษาของวิทยาลัยครูสงขลา ทั้งนี้โดยใช้คณะกรรมการบริหารร่วมกันทั้ง 2 หน่วยงาน
พ.ศ.2535 สำนัก งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ได้โอนความรับผิดชอบงานด้านวัฒนธรรมไปไว้ที่สำนักงานการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาจึงเหลือศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา รับผิดชอบอยู่เพียงหน่วยงานเดียว แต่ยังคงรับผิดชอบโครงการบางโครงการทั้งจากสำนักงานการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมจังหวัดสงขลาและสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)
พ.ศ.2538 ศูนย์ ศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏสงขลา เปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักศิลปะและวัฒนธรรม" ตามประกาศสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ เรื่อง หลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการในสถาบันราชภัฏ ลงวันที่ 25 ตุลาคมพ.ศ.2538
พ.ศ.2548 กระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวง ให้จัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัย ราชภัฏสงขลา กระทรวงศึกษาธิการ ใช้ชื่อ "สำนักศิลปะและวัฒนธรรม" ลงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2549 ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา